ติดตามชมรมต้นกล้าพันธุ์ดี _ ๐๑ : ค่ายพัฒนาจิต รู้จักเป้าหมายชีวิตตนเอง ของนักเรียน English Access Program
วันที่ ๒๕-๒๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ผมมีโอกาสได้สังเกตการณ์อยู่ตลอดงาน "ค่ายพัฒนาจิต รู้จักเป้าหมายชีวิตตนเอง" ที่นิสิตชมรมต้นกล้าพันธุ์ดี เป็นทีมวิทยากรกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับนักเรียนในโครงการ English Access Program จำนวน ๕๖ คน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สิ่งที่ผมเห็นคือ ชมรมต้นกล้าพันธุ์ดีได้ปรับเปลี่ยนวิธีและวิถีของกิจกรรมพัฒนานิสิตไปอีกขั้นสำคัญ ค่ายนี้ไม่ใช่ "ค่ายสร้าง" ไม่ใช่ "ค่ายสัน" (สันทนาการ) ไม่ใช่"ค่ายสอน" และไม่ใช่ "ค่ายเสริมแรง" (ปลุกพลัง) แต่เป็น "ค่ายเรียนรู้" ผมเห็นผลลัพธ์การเรียนรู้จากค่ายชัดเจนทั้งน้องนักเรียนและพี่นิสิต
เป้าหมายที่ได้รับมอบจากโครงการคือ อยากให้น้องนักเรียน "รู้จักตนเอง" และ "รู้จักกันเอง" ตารางกิจกรรมที่นิสิตออกแบบขึ้นแสดงดังตารางด้านล่าง
กระบวนการของชมรมต้นกล้าฯ เชื่อมโยงต่อเนื่องกันดีมาก ๆ เริ่มตั้งแต่ ละลายพฤติกรรม -> ชวนคุยเรื่องความฝัน -> ทำให้รู้จักตนเองด้วยกิจกรรมสัตว์สี่ทิศ -> กิจรรมฐานการเรียนรู้ "ฐานคิดสู่ความฝัน" ได้แก่ ฐานเป้าหมายชีวิต ฐานวิธีคิดสู่ชีวิตที่มีความสุข ฐานความสุข และฐานมนุษย์สัมพันธ์
วันที่สอง ผมมีโอกาสได้ร่วมในกิจกรรมบรรยายพิเศษ "เป้าหมายชีวิตสู่ความสำเร็จ" แน่นอนเป็นการบรรยายสไตล์ผมเองที่ รูปแบบเปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิม ผมชวนให้นักเรียนได้เล่าทบทวนผลการเรียนรู้ในวันแรก และดึงเอาฐานทั้ง ๔ มาสรุปอีกที ก่อนจะจบด้วย "เป้าหมายชีวิต" อย่างที่กำหนดไว้
"กิจกรรมฐานกาย" กิจกรรมละลายพฤติกรรมแบบสร้างสรรค์และมีความหมาย คือองค์ประกอบสำคัญของ "ค่ายเรียนรู้" เช่น
เป้าหมายที่ได้รับมอบจากโครงการคือ อยากให้น้องนักเรียน "รู้จักตนเอง" และ "รู้จักกันเอง" ตารางกิจกรรมที่นิสิตออกแบบขึ้นแสดงดังตารางด้านล่าง
กระบวนการของชมรมต้นกล้าฯ เชื่อมโยงต่อเนื่องกันดีมาก ๆ เริ่มตั้งแต่ ละลายพฤติกรรม -> ชวนคุยเรื่องความฝัน -> ทำให้รู้จักตนเองด้วยกิจกรรมสัตว์สี่ทิศ -> กิจรรมฐานการเรียนรู้ "ฐานคิดสู่ความฝัน" ได้แก่ ฐานเป้าหมายชีวิต ฐานวิธีคิดสู่ชีวิตที่มีความสุข ฐานความสุข และฐานมนุษย์สัมพันธ์
วันที่สอง ผมมีโอกาสได้ร่วมในกิจกรรมบรรยายพิเศษ "เป้าหมายชีวิตสู่ความสำเร็จ" แน่นอนเป็นการบรรยายสไตล์ผมเองที่ รูปแบบเปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิม ผมชวนให้นักเรียนได้เล่าทบทวนผลการเรียนรู้ในวันแรก และดึงเอาฐานทั้ง ๔ มาสรุปอีกที ก่อนจะจบด้วย "เป้าหมายชีวิต" อย่างที่กำหนดไว้
"กิจกรรมฐานกาย" กิจกรรมละลายพฤติกรรมแบบสร้างสรรค์และมีความหมาย คือองค์ประกอบสำคัญของ "ค่ายเรียนรู้" เช่น
- "กิจกรรมดอกไม้ ๕ กลีบ" ทำให้นักเรียนรู้จักเพื่อลุ่มลึกมากขึ้น ที่ใช้คำถามนำ ทำให้นักเรียนสามารถเข้าถึง "พื้นที่ปลอดภัย" ของกันและกันได้ง่ายขึ้น
- "กิจกรรมจับกลุ่มคุยความฝัน" ที่นำให้น้องนักเรียนจับกลุ่ม ๓ คน แล้ว เล่าเรื่องแบ่งปันความฝันกัน ผมตีความว่า กิจกรรมนี้สร้างพื้นที่ปลอดภัยร่วมขึ้น ทำให้นักเรียนเริ่มคำว่า "เรา" ขึ้น
- "กิจกรรมสัตว์สี่ทิศ" ที่นำคิดพิจารณาใคร่ครวญตนเองว่าเหมือนสัตว์ประเภทไหน ทำให้นักเรียนรู้จักตัวตนของตนเองมากขึั้น
- กิจกรรมถุงใบใหญ่ ที่ให้แต่ละคนบอกชื่อเล่นและโรงเรียน เป็นกลยุทธ์ให้รู้จักกันที่สนุกสนาน
ความสำเร็จของการละลายพฤติกรรมของนิสิต น่าจะมาจากการผสมผสานระหว่างกิจกรรมสันทนาการที่ทำให้นักเรียนสนุกสนานกับกิจกรรมเรียนรู้สร้างสรรค์ดังที่กล่าวมา
จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การนำกิจกรรมวิชาการมาใช้ในค่าย "กิจกรรมฐานคิด" แบบวิชาการจะเป็นเครื่องมือหลักที่จะทำให้นักเรียนรู้จักนำความรู้มาใช้ในการดำเนินชีวิต กิจกรรมวิชาการที่เห็นในค่าย ได้แก่
- การให้นักวิชาการ เข้ามาร่วมงานในการบรรยายพิเศษ และร่วมสรุปสะท้อนการเรียนรู้
- "กิจกรรมเป้าหมายชีวิต" ที่เน้นให้นักเรียนคิดพิจารณา
- การนำ "แบบทดสอบความถนัด" ที่นิสิตสืบค้นและเรียนรู้มาจากหลักสูตรวิชาชีพของตนเอง มาใช้ให้น้อง ๆ ได้ทำนายอาชีพในอนาคตของตนเองได้อย่างมีหลักวิชาการ
- กิจกรรมนำสมาธิและสติที่ กระบวนกร (แสน ธีระวุฒิ ศรีมังคละ) ใช้เป็นระยะตลอดงาน ทำให้น้องนักเรียนติดตรึงอยู่ได้นานและสนุกสนานมาก
และที่สำคัญที่สุด สำหรับกิจกรรม "ค่ายเรียนรู้" คือ การนำ "กิจกรรมฐานใจ" มาใช้ ผมตีความว่ากิจกรรมฐานใจเท่านั้น ที่จะทำให้นักเรียนเรียนรู้ตนเองและรู้จักตนเองได้อย่างแท้จริง กิจกรรมฐานใจที่นำมาใช้ในค่ายนี้ได้แก่
- การให้นักเรียนเขียนกราฟความสุข
- กิจกรรมนั่งสมาธิ ทำความรู้สึกตัว ก่อนกิจกรรมนำสู่การคิดพิจารณาตนเอง
- กิจกรรมสุนทรียสนทนา ที่พี่ ๆ พาน้องนำปัญหาที่เคยเกิดแล้วในชีวิตที่ผ่านมา มาใคร่ครวญพิจารณาและเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาหรือมุมมองสู่ชีวิตที่เป็นสุข
- กิจกรรมเขียนจดหมายถึงตนเอง คือสุดยอดกิจกรรมที่จะนำสู่ความฝันและการรู้จักความต้องการของตนเอง
- กิจกรรมแบ่งปันกำลังใจ โดยให้เขียนลงบน "กระดาษรองแผ่นหลัง" ทำให้การแบ่งปันกำลังใจเป็นรูปธรรม และสามารถเก็บความประทับใจอย่างได้ผล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น