CADL_KM-GE_๕๘-๐๒ : เรียนรู้วิธีจับประเด็นจาก รศ.ดร.จิตเจริญ ไชยาคำ (ปราชญ์ JJ) (๒) "จับประเด็น"
บันทึกที่ (๑)
วิธีการของ อาจารย์ JJ เพื่อให้เข้าใจเรื่อง "จับประเด็น"
กิจกรรมที่ ๑
อ. JJ ใช้กระบวนการ ๕ ขั้นตอน ได้แก่ เปิดคลิปให้ดู->ตั้งคำถาม->แบ่งกลุ่มให้แลกเปลี่ยนหาคำตอบ->ให้นำเสนอ และ ->ร่วมกันสรุป
เริ่มด้วยการเปิดคลิป "เช้านี้ที่แอฟริกาให้ดู" ผมยกเอาคลิปตัวอย่างจากยูทูป เพื่อให้ผู้อ่านลองดูตามไปด้วยเลย ถือเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบอุปนัยไปในตัวเลยครับ (ไม่ไม่ใช่คลิปที่ อ.JJ นำมาเปิดแต่น่าจะหลักเดียวกันครับ)
(ค้นคลิปการล่าของเสือไม่พบที่ถูกใจ ขอใช้คลิปการล่าของสิงโตแทนนะครับ : ไม่ใช่เสือล่ากวาง แต่เป็นสิงโตล่าหมูป่า)
เมื่อดูเสร็จ ให้จับกลุ่ม ๆ ละ ๘ คน ช่วยกันตอบคำถามต่อไปนี้
เทคนิคการจับประเด็น
หลังจากนำเสนอ แล้ว อ.JJ ชี้ให้เห็นว่า การนำเสนอของทุกกลุ่มเป็นลักษณะการเสนอความคิด หรือความเห็น มากกว่าการเสนอผลของการจับประเด็น ... ผมจับความ "หลักการ" ในการจับประเด็นเป็น ๓ ระดับ ดังนี้
สังเกตคำถามที่ท่าน อ.JJ ตั้งไว้เป็นไว้เป็นไกด์ให้แลกเปลี่ยนกัน เมื่อพิจารณาจากคำตอบของแต่ละกลุ่ม จะเห็นเป็นดังที่ท่านบอกเกือบหมด
สิงโตมีกี่ตัว? เป็นคำถามที่อยู่ในระดับ ๑ ที่ไม่ต้องใช้ความคิดใด และส่วนใหญ่จะตอบถูกต้อง ปัจจัยสำคัญคือ สมาธิจดจ่อ ตั้งใจดู ตั้งใจฟัง ขอแนะนำให้ปฏิบัติธรรมแนวดูจิต เพราะการฝึกดูจิตจะทำให้เห็นการผุดขึ้นของความคิดและตะกอนหลังความคิด ซึ่งเป็นปัจจัยไม่ให้ตกลงไปในห้วงความคิดของตน ทำให้ไม่สับสนว่าอะไรใครคิด
ส่วนคำถามว่า ทำไมเสือจึงจับกวางได้? เป็นคำถามที่ต้องตอบด้วยการวิเคราะห์เหตุผล คำตอบของคำถามนี้อยู่ในระดับที่ ๒ ของการจับประเด็น เช่น
พิจารณาจากคำตอบแล้ว บางทีเราอาจต้องยอมรับว่า เราทำงานบนฐานความคิดความเห็นจริงๆ ...
วิธีการของ อาจารย์ JJ เพื่อให้เข้าใจเรื่อง "จับประเด็น"
กิจกรรมที่ ๑
อ. JJ ใช้กระบวนการ ๕ ขั้นตอน ได้แก่ เปิดคลิปให้ดู->ตั้งคำถาม->แบ่งกลุ่มให้แลกเปลี่ยนหาคำตอบ->ให้นำเสนอ และ ->ร่วมกันสรุป
เริ่มด้วยการเปิดคลิป "เช้านี้ที่แอฟริกาให้ดู" ผมยกเอาคลิปตัวอย่างจากยูทูป เพื่อให้ผู้อ่านลองดูตามไปด้วยเลย ถือเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบอุปนัยไปในตัวเลยครับ (ไม่ไม่ใช่คลิปที่ อ.JJ นำมาเปิดแต่น่าจะหลักเดียวกันครับ)
(ค้นคลิปการล่าของเสือไม่พบที่ถูกใจ ขอใช้คลิปการล่าของสิงโตแทนนะครับ : ไม่ใช่เสือล่ากวาง แต่เป็นสิงโตล่าหมูป่า)
เมื่อดูเสร็จ ให้จับกลุ่ม ๆ ละ ๘ คน ช่วยกันตอบคำถามต่อไปนี้
- มีสิงโตกี่ตัว?
- ทำไมเสือจึงจับกวางได้?
- ได้เรียนรู้อะไรจากคลิปนี้?
เทคนิคการจับประเด็น
หลังจากนำเสนอ แล้ว อ.JJ ชี้ให้เห็นว่า การนำเสนอของทุกกลุ่มเป็นลักษณะการเสนอความคิด หรือความเห็น มากกว่าการเสนอผลของการจับประเด็น ... ผมจับความ "หลักการ" ในการจับประเด็นเป็น ๓ ระดับ ดังนี้
- ระดับที่ ๑ จับองค์ประกอบของเรื่อง ขั้นนี้ต้องไม่ใส่ความคิดของตนเอง เห็นและได้ยินอย่างไรก็เพียงแต่สื่อความหมายออกไปอย่างนั้นโดยไม่ใส่ไข่ ให้สี เสริมสวยใดๆ โดยจับประเด็นให้เห็นสิ่งสำคัญ ๆ ต่อไปนี้
- เห็นเหตุการณ์ว่า ใคร/อะไร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ กับใคร อะไรเกิดขึ้น อะไรจบลง
- เห็นข้อมูลเชิงปริมาณที่สำคัญ ใครกี่คน/อะไรกี่ตัว ทำอะไรมากน้อยเท่าใด ใช้อะไรเป็นเครื่องมือ หรือเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง นานแค่ไหน กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน ฯลฯ
- เห็นกระบวนการหรือขั้นตอน เริ่มอย่างไร จบอย่างไร มีกี่ขั้นตอน ฯลฯ
- ระดับที่ ๒ คิดวิเคราะห์เหตุการณ์อย่างเป็นเหตุเป็นผล เป็นตรรกะ ให้เห็นวัตถุประสงค์ของแต่ละองค์ประกอบ และเห็นการเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบเหล่านั้น โดยใช้เพียงข้อมูลที่ได้รับจากที่ได้ยิน ได้เห็น เท่านั้น ยังไม่ต้องวิเคราะห์ตีความเชื่อมโยงความรู้เดิมของผู้จับประเด็น
- ระดับที่ ๓ สรุปความสังเคราะห์ความ หรือจับเอาเจตนาของเรื่องหรือของผู้แต่งเรื่อง หรือเรียกว่า จับเอาสาระ ซึ่งจะจับได้มากน้อย แม่นตรง แหลมคม ลุ่มลึก ขึ้นอยู่กับ สติ สมาธิ และประสบการณ์เดิมของผู้จับประเด็น
สังเกตคำถามที่ท่าน อ.JJ ตั้งไว้เป็นไว้เป็นไกด์ให้แลกเปลี่ยนกัน เมื่อพิจารณาจากคำตอบของแต่ละกลุ่ม จะเห็นเป็นดังที่ท่านบอกเกือบหมด
สิงโตมีกี่ตัว? เป็นคำถามที่อยู่ในระดับ ๑ ที่ไม่ต้องใช้ความคิดใด และส่วนใหญ่จะตอบถูกต้อง ปัจจัยสำคัญคือ สมาธิจดจ่อ ตั้งใจดู ตั้งใจฟัง ขอแนะนำให้ปฏิบัติธรรมแนวดูจิต เพราะการฝึกดูจิตจะทำให้เห็นการผุดขึ้นของความคิดและตะกอนหลังความคิด ซึ่งเป็นปัจจัยไม่ให้ตกลงไปในห้วงความคิดของตน ทำให้ไม่สับสนว่าอะไรใครคิด
ส่วนคำถามว่า ทำไมเสือจึงจับกวางได้? เป็นคำถามที่ต้องตอบด้วยการวิเคราะห์เหตุผล คำตอบของคำถามนี้อยู่ในระดับที่ ๒ ของการจับประเด็น เช่น
- สิงโตวิ่งเร็ว
- สิงโตวิ่งเป็นจังหวะ
- มีสิงโตหลายตัวเข้ารุม
- ฯลฯ
พิจารณาจากคำตอบแล้ว บางทีเราอาจต้องยอมรับว่า เราทำงานบนฐานความคิดความเห็นจริงๆ ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น