เวที PLC พูนพลังครูเพื่อศิษย์อีสาน ปี ๒๕๖๐
วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๐ CADL จัดเวที PLC พูนพลังครูเพื่อศิษย์อีสาน ณ สานะคาม โอเอซีส ติดริมชี (ลำน้ำชี) ปีนี้เรามีงบจำกัด จึงจัดในพื้นที่ นอกจากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างปี เรามีประสบการณ์ "Transformative Learning" ที่ได้เรียนรู้จาก อ.ณัฐฬร วังวิญญู มาแบ่งปันเพื่อนครู มีครูเพื่อศิษย์อีสานมาร่วมงาน ๑๘ ท่าน ดังนี้ครับ
อาจารย์ ศน. สุรัมภา แนะนำว่า การจัดเวทีนี้ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากนักและไม่ได้เรียนเชิญอย่างเป็นทางการ หากเราปีต่อไปเราทำอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะมีครูเพื่อศิษย์อีสานจำนวนมากสนใจมาร่วมงานกับเรา คุณครูเพ็ญศรี ใจกล้า บอกว่า อย่ากังวลเรื่องงบประมาณ ครูทุกท่านยินดีจะมาลงทะเบียน และหากจัดเวทีง่าย ๆ ไม่ต้องมีเบรคของว่างอะไรฟุ่มเฟือยก็จะสามารถจัดเวทีใหญ่ได้ ตอนท้ายกิจกรรมได้ข้อสรุปว่า ต้องมีกิจกรรมแบบนี้อีกต่อไป และหากทำได้ควรทำมากกว่าปีละ ๑ ครั้ง ... ผมตั้งใจเต็มที่ว่าจะทำให้ได้
วิธีคิดในการขับเคลื่อน PLC ครูเพื่อศิษย์อีสาน
ผมมีความเห็นว่า ความเชื่อและศรัทธาเป็นรากเหง้าของพฤติกรรมการทำงาน ผมเชื่อว่า วิธีที่จะปฏิรูปการศึกษาสำเร็จได้ ต้อง "พึ่งตนเอง" ในพื้นที่ ใช้แนวปฏิบัติที่ดีในพื้นที่ โดยใช้ PLC หรือชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ เป็นเวทีแบ่งปันแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือทุกระดับและทุกภาคส่วน ครูเพื่อศิษย์ที่มีอยู่ในพื้นที่ มีเพียงพอที่จะแก้ปัญหาการศึกษาได้แน่ เพียงแต่เราหันมาลงมือทำได้ด้วยตนเอง ค้นหาครูผู้ทำสำเร็จ ถอดบทเรียนให้ได้องค์ความรู้หรือแนวปฏิบัติ เปิดใจครูในพื้นที่ให้เปิดใจขยายผลของความสำเร็จนั้น หยุดนำเข้าองค์ความรู้จากภายนอกพื้นที่แบบ "ต่อท่อความรู้" หันมาสร้างความภาคภูมิใจ นำความสำเร็จของครูเพื่อศิษย์นพื้นที่มาขยายผลอย่างจริงจัง
ตามทฤษฎี KM ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องมีอย่างน้อง ๓ คน ๓ ปัจจัย ขนาดใครหรืออย่างใดไม่ได้เลย
สุนทรียสนทนาและการฟังอย่างลึกซึ้ง
กระบวนการ PLC ครั้งนี้เรียกได้ว่าไร้รูปแบบ เป็นเหมือนการพบปะสนทนา แต่ก็ยังคงความเป็นเวที KM ไว้ตรงที่ต้องมีการทำ BAR AAR และเติมด้วยจิตตปัญญาที่เราเรียกด้วยคำใหม่ว่า การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง (Transfomative Learning) ผมนำเอาสิ่งที่เรียนรู้จากทีมกระบวนกรจากสถาบันขวัญแผ่นดิน (ผมบันทึกการเรียนรู้ไว้ที่นี่และที่นี่) โดยวาดเป็นภาพสรุปด้วยภูเขาไฟน้ำแข็งในมหาสมุทร ดังรูป
รูปนี้บอกว่า เราเรียนรู้โลกภายในของตนเอง โลกภายในของนักเรียน เพื่อนครู หรือผู้บริหารโรงเรียน โดยใช้ "การฟังอย่างลึกซึ้ง" (อ่านที่นี่) ฟังให้เข้าถึงความรู้สึก ความต้องการ ตัวตน คุณค่า และความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมที่เราพบ กิจกรรมสุนทรียสนทนาจึงได้นำมาเป็นกิจกรรหลักในวันนี้
เริ่มด้วยการทำสมาธิเจริญสติประมาณ ๕ นาที ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการ BAR แบบรายท่าน แบ่งปันประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอด ๑ ปีที่ไม่ได้เจอกันในวงเวทีนี้ ก่อนเรื่องเล่า เราให้ท่านเขียนลงในกระดาษ A4/4 (ปี้น้อย)
การจัดเวทีปีนี้ เราใช้งบประมาณที่เก็บสะสมไว้ที่มูลนิธิสยามกัมมาจลให้การสนับสนุนไว้ รวมกับเงินค่าวิทยากรที่ผม คุณอา ครูกุ้ง ครูตุ๋ม ให้มารวบรวมเก็บไว้ในบัญชีไม่เป็นทางการของ CADL ซึ่งคุณดอกอ้อแม้จะลาไปเป็นคุณนายเต็มตัวแล้ว ก็ยังช่วยดูแลอยู่ .... ผมเชื่อว่าหากขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และแทนที่จะไปแบบจิตอาสาไม่รับค่าวิทยากร แต่ให้นำมาเก็บไว้จัดทำเวทีประจำปีครูเพื่อศิษย์อีสานดีเด่น ผมเห็นด้วยในเบื้องต้นครับ แต่ในการจัดการต้องให้โปร่งใสและประกาศให้ทุกคนได้รับรู้การเคลื่อนไหวของบัญชีตลอด ... ผมเข้าใจว่า กองทุนฯ หรือมูลนิธิฯ เกิดและดับไปด้วยความตั้งใจและความโปร่งใสในลักษณะนี้
- ครูเพ็ญศรี ใจกล้า จากโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม
- ครูสุกัญญา มะลิวัลย์ จากโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม
- ครูศิริลักษณ์ ชมภูคำ โรงเรียนบ้านหินลาด สพป.มค.๑
- ครูอัจฉราวรรณ ภิบาล โรงเรียนหนองเหล็กศึกษา อบจ.มหาสารคาม
- ครูเพ็ญศรี กานุมาร โรงเรียนนาสีนวนพิทยาสรรค์ อบจ. มหาสารคาม
- ครูจิรนันท์ จันทยุทธ โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม อบจ. มหสารคาม
- ครูคเณศ ดวงเพียราช โรงเรียนเทศบาลบูรพาพิทยาคาร เทศบาลเมืองมหาสารคาม
- ครูภาวนา ดวงเพียราช โรงเรียนเทศบาลโพธิ์ศรี เทศบาลเมืองมหาสารคาม
- ครูสุริยนต์ ฉิมพลี โรงเรียนเทศบาลบูรพาพิทยาคาร เทศบาลเมืองมหาสารคาม
- ครูปราณี จงจอหอ โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย เทศบาลเมืองมหาสารคาม
- ครูพัชรา มหาวงษ์ โรงเรียนเทศบาลศรีสวัสดิ์ เทศบาลเมืองมหาสารคาม
- ครูกัญญารัตน์ หรัญรัตน์ โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย เทศบาลเมืองมหาสารคาม
- ครูวชิรประภา มาดี โรงเรียนบ้านเขว้า สพป.มค.๑
- ครูฉวีวรรณ แก้วอรุณ โรงเรียนบ้านดอนเวียงจันทร์ สพป.มค.๑
- ครูวชิราภรณ์ บุตรดม โรงเรียนบ้านโนนทอง
- ครูสายเงิน ยันนาม โรงเรียนขามเรียงเขียบโนนแสบงดอนมัน สพป.มค.๑
- ศน.สุรัมภา เพ็ชรกองกุล ศึกษานิเทศก์ กศจ. มหาสารคาม
- ศน.อัญชรี ดวงเรืองศรี ศึกษานิเทศก์ เทศบาลเมืองมหาสารคาม
อาจารย์ ศน. สุรัมภา แนะนำว่า การจัดเวทีนี้ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากนักและไม่ได้เรียนเชิญอย่างเป็นทางการ หากเราปีต่อไปเราทำอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะมีครูเพื่อศิษย์อีสานจำนวนมากสนใจมาร่วมงานกับเรา คุณครูเพ็ญศรี ใจกล้า บอกว่า อย่ากังวลเรื่องงบประมาณ ครูทุกท่านยินดีจะมาลงทะเบียน และหากจัดเวทีง่าย ๆ ไม่ต้องมีเบรคของว่างอะไรฟุ่มเฟือยก็จะสามารถจัดเวทีใหญ่ได้ ตอนท้ายกิจกรรมได้ข้อสรุปว่า ต้องมีกิจกรรมแบบนี้อีกต่อไป และหากทำได้ควรทำมากกว่าปีละ ๑ ครั้ง ... ผมตั้งใจเต็มที่ว่าจะทำให้ได้
วิธีคิดในการขับเคลื่อน PLC ครูเพื่อศิษย์อีสาน
ผมมีความเห็นว่า ความเชื่อและศรัทธาเป็นรากเหง้าของพฤติกรรมการทำงาน ผมเชื่อว่า วิธีที่จะปฏิรูปการศึกษาสำเร็จได้ ต้อง "พึ่งตนเอง" ในพื้นที่ ใช้แนวปฏิบัติที่ดีในพื้นที่ โดยใช้ PLC หรือชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ เป็นเวทีแบ่งปันแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือทุกระดับและทุกภาคส่วน ครูเพื่อศิษย์ที่มีอยู่ในพื้นที่ มีเพียงพอที่จะแก้ปัญหาการศึกษาได้แน่ เพียงแต่เราหันมาลงมือทำได้ด้วยตนเอง ค้นหาครูผู้ทำสำเร็จ ถอดบทเรียนให้ได้องค์ความรู้หรือแนวปฏิบัติ เปิดใจครูในพื้นที่ให้เปิดใจขยายผลของความสำเร็จนั้น หยุดนำเข้าองค์ความรู้จากภายนอกพื้นที่แบบ "ต่อท่อความรู้" หันมาสร้างความภาคภูมิใจ นำความสำเร็จของครูเพื่อศิษย์นพื้นที่มาขยายผลอย่างจริงจัง
ตามทฤษฎี KM ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องมีอย่างน้อง ๓ คน ๓ ปัจจัย ขนาดใครหรืออย่างใดไม่ได้เลย
- คนที่ ๑ คือ "คุณกิจ" ในที่นี้ก็คือครูเพื่อศิษย์ ที่ต้องเปลี่ยนความคิดว่า ต้องหันมาลุยทำด้วยตนเองเท่านั้น ทฤษฎีใด ๆ ความรู้จากผู้เก่งกาจจากไหน ก็ไม่อาจช่วยได้ อย่างไรก็ต้องนำมาปรับใช้ในบริบทของตนเอง
- คนที่ ๒ คือ "คุณอำนวย" ในที่นี้คือศึกษานิเทศก์และนักการศึกษา คือผู้อำนวยการเรียนรู้ (Facilitator) ให้เกิดกระบวนการขับเคลื่อนไป ผู้อำนวยการเรียนรู้ นอกจากมีศรัทธาและเชื่อมั่นในวิธีคิด "พึ่งตนเอง" แล้ว ยังต้องเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ และมีความรู้หลักวิชาการเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดี วิธีที่คุณอำนวยใช้ ต้องไม่ใช่การคิดให้ครูทำ เพราะวิธีนั้นเองที่ทำให้เกิด "คืนครูให้นักเรียน" ในวันนี้ คุณอำนวยต้องไม่ใชใช้วิธีการบอก สอน ป้อน สั่งการ แต่มาทำบทบาท ชง ชวน เชียร์ ชม ช่วย ให้ครูสามารถทำงานของตนได้อย่างมีพลัง
- คนที่ ๓ คือ "คุณเอื้อ" ในที่นี้คือผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้บริหาร กศจ. เทศบาล อบจ. สพม. หน่วยงานรัฐต่าง ๆ เอกชน (CSR) บริษัทต่าง ๆ หรือใครที่มีใจในการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะผู้นำชุมชนในท้องถิ่น ต้องมาร่วมด้วยช่วยกันในการเอื้อให้เกิดเวที PLC ขับเคลืื่อนไปให้เกิดความต่อเนื่องและนานพอที่จะทำให้เกิดประสบการณ์และการระเบิดจากข้างในครู เกิดเป็นครูเพื่อศิษย์เต็มพื้นที่
นี่คือแนวคิดและแนวทางในการขับเคลื่อนเวทีครูเพื่อศิษย์อีสาน ส่วนปัจจัย ๓ ได้แก่
- มี"คุณกิจ"ที่เป็นครูเพื่อศิษย์
- มีชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ คือสิ่งที่ "คุณอำนวย" ต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้นในพื้นที่
- มีความต่อเนื่อง ถือเป็นหน้าที่หลักของ "คุณเอื้อ"
สิ่งที่เรากำลังจะทำนี้ไม่สำเร็จเร็ว ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นไว ... โครงการมอบงานต้นปีประเมินปลายปีนำมาใช้กับวิธีนี้ไม่ได้ หลายครั้งที่พลังครูหายไปเพราะโครงการลักษณะนั้น ... ความร่วมมือและแบ่งปันอย่างต่อเนื่องต่างหาก ที่จะนำความสำเร็จมาสู่พื้นที่
สุนทรียสนทนาและการฟังอย่างลึกซึ้ง
กระบวนการ PLC ครั้งนี้เรียกได้ว่าไร้รูปแบบ เป็นเหมือนการพบปะสนทนา แต่ก็ยังคงความเป็นเวที KM ไว้ตรงที่ต้องมีการทำ BAR AAR และเติมด้วยจิตตปัญญาที่เราเรียกด้วยคำใหม่ว่า การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง (Transfomative Learning) ผมนำเอาสิ่งที่เรียนรู้จากทีมกระบวนกรจากสถาบันขวัญแผ่นดิน (ผมบันทึกการเรียนรู้ไว้ที่นี่และที่นี่) โดยวาดเป็นภาพสรุปด้วยภูเขาไฟน้ำแข็งในมหาสมุทร ดังรูป
รูปนี้บอกว่า เราเรียนรู้โลกภายในของตนเอง โลกภายในของนักเรียน เพื่อนครู หรือผู้บริหารโรงเรียน โดยใช้ "การฟังอย่างลึกซึ้ง" (อ่านที่นี่) ฟังให้เข้าถึงความรู้สึก ความต้องการ ตัวตน คุณค่า และความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมที่เราพบ กิจกรรมสุนทรียสนทนาจึงได้นำมาเป็นกิจกรรหลักในวันนี้
เริ่มด้วยการทำสมาธิเจริญสติประมาณ ๕ นาที ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการ BAR แบบรายท่าน แบ่งปันประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอด ๑ ปีที่ไม่ได้เจอกันในวงเวทีนี้ ก่อนเรื่องเล่า เราให้ท่านเขียนลงในกระดาษ A4/4 (ปี้น้อย)
- คุณครูเพ็ญศรี ใจกล้า จะแบ่งปันเรื่อง การพัฒนานักเรียนให้เป็น Active Citizen, 3PBL และผลสำเร็จจากโรงเรียนซัมซุง ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง (เวทีล่าสุดอ่านจากบันทึกของแสนที่นี่) เสียดายกลุ่มเป้าหมายวันนี้มีโรงเรียนมัธยมน้อยมาก จึงไม่ได้แลกเปลี่ยนกันเรื่องนี้มากนัก ... คงต้องฝากให้ สพม. ๒๖ หรือ กศจ.มหาสารคาม จัดเวที PLC ขยายผลประสบการณ์ความสำเร็จในพื้นทีี่อันมีคุุณค่านี้ออกไป
- ครูตุ๋มศิริลักษณ์ ชมภูคำ ตอนนี้กระบวนการนักเรียนจิตอาสาแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ได้เริ่มขยายไปแล้วในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม มีโรงเรียนรับการอบรมไปแล้วกว่า ๖๐ โรงเรียน สพป.มค.๑ (อ่านบันทึกล่าสุดได้ที่นี่)
- ครูอัจฉราวรรณ ภิบาล (ครูอ๋อย) มีผลงานและรางวัลมากมายจากการตลุยทำงานบนฐานการแสดงและตัดต่อวีดีโอ ... ผมคิดว่าผมเข้าใจครูอ๋อย การทำงานที่มุ่งมั่น เชื่อมั่น และขยัน และโดยเฉพาะมีความคิดที่ก้าวไกลไปกว่ายุคของคนแวดล้อมแล้ว อาจทำให้เกิดความ "ไม่เข้าใจ" "ใส่มั่น" ขึ้นมาเป็นธรรมดา ... สู้ต่อไปครับ
- ครูเพ็ญศรี กานุมาร ก็ยัง "ต้องเป็น" ผู้เสียสละและทำงานหนักเหมือนเดิม ประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างโอกาสและพัฒนานักเรียนจนได้รับทุนจำนวนมากมาย ทั้งทุนพระราชทาน ทุนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และทุนต่าง ๆ อีก ที่ไม่ได้ถอดบทเรียนกระบวนการและเทคนิคเรื่องนี้เสียที ... ใครมีแรงบันดาลใจจะอุทิศเวลาเพื่อนักเรียนบ้างเชิญแลกเปลี่ยนกับครูเพ็ญได้ทางเฟสแชทที่นี่ ครับ
- ครูจิรนันท์ จันทยุทธ (ครูเรย์) กับโมเดลการสอนแบบอุปนัยและการดูแลแนะนำนักเรียนเรียนอ่อนด้วยกิจกรรมนักศึกษาวิชาทหาร ก็ดำเนินกระบวนการสร้างศิษย์ต่อไป ... ๑ ใน ๓ ของปัจจัยแห่งความสำเร็จคือ "ความต่อเนื่อง" เคยไปทำเวที PLC ครั้งแรกตามบันทึกนี้ เสียดายที่ไปครั้งล่าสุดเมื่อปีกลายไม่ได้นำมาบันทึกไว้... สู้ต่อไปครับครูเรย์
- ครูคเณศ และ ครูภาวนา ดวงเพียราช คุณครูแกนนำระดับอนุบาลของเทศบาลเมืองมหาสารคาม นอกจากท่านจะแบ่งปันประสบการณ์งานสอนของท่านแล้ว
การจัดเวทีปีนี้ เราใช้งบประมาณที่เก็บสะสมไว้ที่มูลนิธิสยามกัมมาจลให้การสนับสนุนไว้ รวมกับเงินค่าวิทยากรที่ผม คุณอา ครูกุ้ง ครูตุ๋ม ให้มารวบรวมเก็บไว้ในบัญชีไม่เป็นทางการของ CADL ซึ่งคุณดอกอ้อแม้จะลาไปเป็นคุณนายเต็มตัวแล้ว ก็ยังช่วยดูแลอยู่ .... ผมเชื่อว่าหากขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และแทนที่จะไปแบบจิตอาสาไม่รับค่าวิทยากร แต่ให้นำมาเก็บไว้จัดทำเวทีประจำปีครูเพื่อศิษย์อีสานดีเด่น ผมเห็นด้วยในเบื้องต้นครับ แต่ในการจัดการต้องให้โปร่งใสและประกาศให้ทุกคนได้รับรู้การเคลื่อนไหวของบัญชีตลอด ... ผมเข้าใจว่า กองทุนฯ หรือมูลนิธิฯ เกิดและดับไปด้วยความตั้งใจและความโปร่งใสในลักษณะนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น