ถอดบทเรียน "การยื่นขอตำแหน่งที่สูงขึ้น สำหรับบุคลากรสารสนับสนุน" จากการฟัง "คุณสวัสดิ์ วิชระโภชน์
ครั้งหนึ่ง คุณสวัสดิ์ วิชระโภชน์ เจ้าหน้าที่ชำนาญการ จากกองทะเบียน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งเป็นคนต้นแบบคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่ทุกคนยอมรับว่า เป็นบุคลากรตัวอย่าง คุณสวัสดิ์มาพูดเรื่อง "การเขียนคู่มือปฏิบัติการ" จำได้ว่าพูดได้ดีมากมาก .... จึงมาถอดบทเรียนไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อน้อง ๆ พนักงานสายสนับสนุนต่อไป
๒) ทำไมต้องขอตำแหน่ง
๔) ผลงานที่ต้องใช้ประกอบการขอตำแหน่งที่สุงขึ้น
๕) วิธีการเสนอขอกำหนดตำแหน่งที่สูงขึ้น
ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของงานสายสนับสนุนในมหาวิทยาลัย
๑) ความก้าวหน้าทางวิชาชีพในมหาวิทยาลัย
- ความก้าวหน้าทางวิชาชีพของบุคลากรในมหาวิทยาลัยแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท ได้แก่
- ตำแหน่งวิชาการ ได้แก่ อาจารย์ ผศ. รศ. และ ศ.
- ตำแหน่งผู้บริหาร ได้แก่ ผอ.สำนักอธิการบดี และ ผู้อำนวยการกอง (สำหรับสายสนับสนุน)
- ตำแหน่งวิชาชีพเฉพาะ หรือ ตำแหน่งเชี่ยวชาญเฉพาะ มี ๕ ตำแหน่ง ได้แก่
- ปฏิบัติการ
- ชำนาญการ
- ชำนาญการพิเศษ
- เชี่ยวชาญ
- เชี่ยวชาญพิเศษ
- ตำแหน่งทั่วไป มี ๓ ตำแหน่ง ได้แก่
- ปฏิบัติงาน
- ชำนาญงาน
- ชำนาญงานพิเศษ
- ทำไมต้องทำผลงาน เพราะว่า การทำผลงานเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ขอตำแหน่งที่สูงขึ้น
- ทำไมต้องขอตำแหน่งที่สูงขึ้น
- เพราะจะได้เงินเดือนสูงขึ้น
- มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งผู้บริหาร ... เมื่อครองตำแหน่งครบ ๗ ปี
- จะได้รับการยอมรับจากทุกคนทุกฝ่าย
- จะได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิอ่านผลงาน (ได้ค่าจ้างอ่าน)
- เพดานเงินเดือนของผู้ไม่ขอตำแหน่งเลย หรือก็คือ อยู่ในตำแหน่งปฏิบัติการ จะตันอยู่ที่ ๒๙,๑๔๐ บาท เท่านั้น (ประเภทงานทั่วไป หรือพนักงานที่จ้างด้วยวุฒิการศึกษาต่ำกว่า ป.ตรี จะตันอยู่ที่ ๒๑,๐๑๐ บาท) ... ดังนั้นจึงต้องขอ
- ถ้าได้ตำแหน่งชำนาญการ เพดานเงินเดือนจะสูงถึง ๔๗,๕๖๐ บาท (พนักงานทั่วไป ตำแหน่งชำนาญงาน จะมีสูงถึง ๓๘,๗๕๐)
- การขึ้นเงินเดือนจะเร็วขึ้น
- ตำแหน่งชำนาญการจะขึ้นเงินเดือนบนฐานสูงกว่า คือ ๒๙,๓๓๐ บาท ในขณะที่ตำแหน่งปฏิบัติการ จะอยู่ที่ ๒๐,๙๕๐ เท่านั้น (ข้าราชการ จะขึ้นเงินเดือนตามค่ากลางของฐานเงินเดือน)
- ได้เงินค่าตอบแทน ในกรณีของตำแหน่งเชี่ยวชาญเฉพาะ
๓) คุณสมบัติผู้ที่สามารถยื่นขอได้
๔) ผลงานที่ต้องใช้ประกอบการขอตำแหน่งที่สุงขึ้น
- งานวิจัยในระดับชำนาญการ ไม่จำเป็นต้องตีพิมพ์ ... แต่ตีพิมพ์จะชัวร์กว่า
๕) วิธีการเสนอขอกำหนดตำแหน่งที่สูงขึ้น
- กรรมการตรวจ วิธีปกติ ๓ คน วิธีพิเศษ ๕ คน
- หากทำร่วมกัน ต้องมีสัดส่วนอย่างต่ำ ๒๕ เปอร์เซ็นต์ คือต้องทำ ๔ เล่ม และต้องเป็นหัวเรื่องแนวทางเดียวกัน เกี่ยวข้องกับชื่องานที่เสนอขอ
- แบบประเมินผลงาน จะเช็คว่า
- เนื้อหาถูกต้องหรือไม่ สมบูรณ์หรือไม่ (๓๐ คะแนน)
- ทันสมัยไหม (๒๕ คะแนน)
- ประโยชน์ในการนำไปใช้ (๑๕ คะแนน)
- ความเหมาะสมและความสม่ำเสมอของการใช้งาน (๑๕ คะแนน)
- ความสามารถในการนำเสนอและความชัดเจน (๑๕ คะแนน)
- แบบประเมินงานวิจัยเน้นที่ความคิดริเริ่ม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น